ทำไมเลือดจระเข้ต้องพาสเจอร์ไรซ์ ?
เลือดจระเข้แห้งที่มีการผลิตแบบโบราณมักเป็นการอบแห้งด้วยความร้อนเพียงอย่างเดียว หรือ ทำแห้งแบบเยือกแข็งโดยไม่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์
ถึงแม้เลือดจระเข้สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้แต่ก็ไม่ใช่ทุกชนิด จระเข้มีโอกาสป่วยเป็นโรคติดเชื้อได้ รวมทั้งจุลินทรีย์ที่อาจปนเปื้อนมากับวัตถุดิบหรือ กระบวนการผลิต ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผ่านการพาสเจอร์ไรเซชั่นมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อเหล่านี้ เชื้อที่พบ เช่น สูโดโมแนส (Pseudomonas), เอนเทอโรแบคเตอร์ (Enterobacter), สแตปไฟโลคอคคัส (Staphylococcus) และ สเตรปโตคอคคัส (Streptococcus) เป็นต้น
เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีเชื้อก่อโรคติดต่อมาสู่ผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้บริโภคส่วนหนึ่งเป็นผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนปกติอยู่แล้ว ศรีราชาโมด้า จึงมีการคิดค้นกรรมวิธีในการผลิตที่เพิ่มกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยวิธีพาสเจอร์ไรเซชัน ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีความปลอดภัยและสามารถเก็บรักษาได้นานยิ่งขึ้น โดยที่ยังคงคุณสมบัติของโปรตีนและแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเลือดจระเข้บริสุทธิ์ไว้
เลือดจระเข้ที่ผ่านการพาสเจอไรซ์แล้วมีลักษณะเหมือนเดิมและมีคุณสมบัติดีขึ้น
ภาพแสดงผลการวัดขนาดโปรตีนด้วยวิธี SDS-PAGE เปรียบเทียบระหว่างเลือดจระเข้สด (1) กับเลือดจระเข้พาสเจอไรซ์ (2)
นอกจากนั้น เมื่อโปรตีนที่เป็นประโยชน์ ในเลือดจระเข้ได้รับการกระตุ้นโดยความร้อนจากการพาสเจอไรซ์ ยังพิสูจน์ได้อีกว่าโมเลกุลของเปปไทด์ซึ่งเป็นหน่วยเล็กที่สุดของโปรตีนมีการคลายตัวเล็กน้อยโดยความ
ร้อนที่พอเหมาะจะทำงานได้ดีกว่า ดังนั้นเลือดจระเข้ที่ดีจึงควรผ่านกระบวนการพาสเจอไรซ์ ส่วนเลือดจระเข้ที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์นั้น เมื่อผู้บริโภครับทานเข้าไปอาจไม่ปลอดภัย และไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสำนักงาน อย. อีกด้วย เพราะอาหารต้องผ่านมาตรฐานการฆ่าเชื้อโรคทุกชนิด